—
แหล่งที่มาของวัสดุเราจะแบ่งออกได้เป็น 2 แหล่งใหญ่ ๆ คือ แหล่งวัสดุจากทรัพยากรตามธรรมชาติ(Naturaresources) และแหล่งวัสดุจากการใช้ของหมุนเวียน (Scraps recycle) ซึ่งกรรมวิธีการผลิตและแปรรูปอาจจะเหมือนกันหรือแตกต่างกันแล้วแต่คุณสมบัติของวัสดุนั้น
ๆ
วัสดุที่เป็นโลหะส่วนใหญ่มักจะมีกรรมวิธีการผลิตและการแปรรูปจากแหล่งที่มาทั้งสองแห่งเหมือนกัน บางครั้งอาจจะผลิตและแปรรูปร่วมกันได้ เช่น การถลุงเหล็กดิบและเศษเหล็กร่วมกันเป็นต้น
แหล่งวัสดุจากทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resources) มี 2 แบบด้วยกัน คือ แหล่งวัสดุจากสาร อินทรีย์ (Organic) เช่น ไม้ สัตว์ ผลิตผลจากพืชและแหล่งวัสดุจากสารอนินทรีย์ (Inorganic) เช่น หิน ดิน ทราย แร่ต่าง ๆ
เป็นต้น โดยเฉพาะแร่ (Mineral) มีมากมายหลายชนิดด้วยกัน
แร่บางอย่างอาจจะประกอบขึ้นด้วยธาตุเพียงอย่างเดียวแต่แร่บางอย่างอาจจะประกอบจากหลายธาตุรวมกันอยู่ในรูปแบบของสารประกอบอนินทรีย์เคมีซึ่งจะส่งผลให้คุณค่าของแร่สูงขึ้นต่ำลงต่างกันหรือไม่มีราคาเลยก็ได้
แร่ชนิดใดที่มีโลหะหรือสารประกอบที่มีประโยชน์สามารถนำไปผลิตและจำหน่ายได้มีราคาและเป็นผลกำไร
เราจะเรียกแร่นั้นว่า “สินแร่” (Ore) ส่วนแร่ที่ไม่มีราคาหรือเป็นส่วนของแร่ที่เราจะต้องพยายามแยกออกไป
เราจะเรียกว่า “กากแร่” (Gaugue) 2.1 การจำแนกชนิดของแร่ตามประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ
เราสามารถจำแนกชนิดของแร่ตามประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ (Economic Minerral) ได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ แร่ประกอบหิน (Rock Forming Mineral) และแร่อุตสาหกรรม (Industrial Minerals)
เป็นแร่ที่อยู่ในลักษณะส่วนประกอบของหินซึ่งทำให้เกิดเป็นหินชนิดต่าง
ๆ เช่น หินแกรนนิตมีแร่ควอทซ์ แร่เฟลด์สปาร์ และไมก้า เป็นส่วนประกอบ
หรือหินปูนที่มีแร่แคลไซต์เป็นส่วนประกอบหลักเป็นต้น แร่ประกอบหินส่วนใหญ่ได้แก่
แร่ควอทซ์ แร่เฟลด์สปาร์ ไมก้า ไพรอกวีน และทัวร์มาลิน
ซึ่งบางครั้งไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรงเนื่องจากแร่แต่ละชนิดจะกระจายกันอยู่ตามเนื้อหินยากแก่การแยกออกมาใช้
แต่เมื่อแร่เหล่านั้นเกิดรวมกันอยู่ในสภาพของหินเป็นจำนวนมากเราก็อาจจะนำมาใช้ประโยชน์ในงานก่อสร้างได้โดยใช้เป็นส่วนผสมของคอนกรีต
ใช้ทำปูนซีเมนต์เช่น หินปูน(Limestone) หรือนำไปใช้เป็นหินประดับ เช่น
หินแกรนนิต หินอ่อน หินแม่น้ำ หรือหินภูเขาเป็นต้น
2.1.2 แร่อุตสาหกรรม (Industrial Minerals)
หมายถึงแร่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจหรือมีประโยชน์โดยอุตสาหกรรมต่าง
ๆ แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ แร่โลหะ (Metallic Minerals) และแร่อโลหะ (Non-metal Minerals)
1. แร่โลหะ (Metallic Minerals) แร่ที่สามารถนำมาถลุงหรือใช้กรรมวิธีอื่น
ๆ ในทางโลหะวิทยาเพื่อแยกเอาเนื้อโลหะออกมาใช้งานในด้านอุตสาหกรรมการผลิตได้แก่
1.1 แร่โลหะที่มีค่าสูง (Precious Metals) ได้แก่ ทอง เงิน และทองคำขาว(Platinum)
1.2 แร่โลหะเหล็ก (Ferrous Metals) แร่เหล็กมีอยู่หลายชนิดด้วยกันแต่ที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตเหล็กได้แก่
เเร่เหล็กเฮมาไทท์ (Hematite) แร่เหล็กแมกเนไทท์ (Magnetite) แร่ลิโมไนท์ (Limonite) และแร่ซิเดอไรท์ (Siderite)เพราะมีปริมาณเนื้อโลหะเหล็กอยู่จำนวนมากและสามารถนำเอามาผลิตเป็นเครื่องมือเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังรวมถึงแร่โลหะผสมเหล็กอีกด้วยซึ่งได้แก่แร่โลหะที่นำมาใช้ผสมกับเหล็กแล้วทำ
ให้เหล็กมีคุณสมบัติดีเด่นเป็นพิเศษเหมาะสำหรับการสร้างเครื่องมือเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง
ๆ ตามความต้องการโลหะที่กล่าวก็ได้แก่ แมงกานีส ซึ่งได้มาจากแร่ไพโรลูไซท์ (Pyrolusite) เป็นต้น
โดยเหล็กเมื่อนำมาผสมกับโลหะชนิดอื่นแล้วเรียกว่า เหล็กผสม (Ferro-alloy)
1.3 แร่โลหะที่ไม่ใช่เหล็ก (Non-Ferrous Metals) แร่โลหะอื่นที่ไม่ใช่เหล็กก็ได้แก่
แร่ทองแดง ดีบุก ตะกั่ว สังกะสี พลวง เป็นต้น แร่พวกนี้สามารถนำไปถลุงเอาโลหะไปใช้ทำประโยชน์โดยไม่ต้องผสมกับโลหะอื่น
ๆ หรือจะใช้ผสมกับโลหะชนิดอื่นเพื่อให้มีคุณสมบัติพิเศษตามความต้องการ
1.4 แร่กัมมันตรังสี (Radio-active Minerals) แร่พวกนี้จะมีโลหะธาตุที่ให้กัมมันตรังสีและสามารถส่งกัมมันตรังสีออกจากตัวของมันเองได้เช่น
ยูเรเนียม (Uranium) เรเดียม (Radium) และธอเรียม (Thorium) เป็นต้น
แร่ประเภทนี้ที่สำคัญ ๆ ได้แก่
พิชเบลน (Pitch
blende) คาร์โนไทท์ (Carnotite) และมอนนาไซท์ (Monaxite) เป็นต้น
2. แร่อโลหะ (Non-metal Minerals) แร่พวกนี้เป็นแร่พวกที่ไม่ได้มีการถลุงเอาเนื้ออโลหะออกมาใช้งานเหมือนกับแร่โลหะ แต่จะถูกนำไปใช้ในกิจการต่าง ๆ
ทั้ง ๆ
ที่มันยังคงอยู่ในสภาพปกติของแร่หรือให้ทำปฏิกิริยากับสารเคมีบางชนิดเพื่อให้เกิดสารประกอบที่ต้องการแล้วไปใช้งานอุตสาหกรรมประเภทต่าง
ๆ กล่าวคือ
2.1 แร่เชื้อเพลิงธรรมชาติ (Fuel Minerals) เป็นสารประกอบอินทรีย์เคมีที่สามารถนำ
มา ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ เช่น
ถ่านหิน หินน้ำมัน ปิโตเลียม ก๊าชธรรมชาติ และสาร ประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
2.2 แร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเซรามิกเป็นวัตถุดิบในการทำเครื่องปั้นดินเผา
ได้แก่
ดินเหนียว (Clay) ดินขาว (Kaolin) แร่เฟลด์สปาร์ ควอทซ์ บอกไซด์ เป็นต้น
2.3 แร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
ได้แก่ แร่ยิปซั่ม แร่แมกนีไซด์ หินชนิดต่าง ๆ รวมทั้งกรวดและทราย ซึ่งเกิดจากการผุพังของหิน
พวกดินทรายละเอียดที่มีสีแดง หรือเหลืองอาจใช้ทำเป็นสีทาบ้านได้
2.4 แร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการถลุงโลหะโดยใช้เป็นวัตถุผสม (Flux) ในการถลุงได้แก่ หินปูน ควอทซ์ ฟลูออร์ไรต์ แกรไฟต์ บอกไซด์
และคอร์รันดัม เป็นต้น
2.5 แร่ที่ใช้ทำเป็นวัตถุทนไฟ (Refractories) แร่อโลหะที่ใช้ประโยชน์ในการทำวัตถุทนไฟได้แก่ แร่ใยหิน (Asbestos) และพวกหินทนไฟ (Fire clay) ต่าง ๆ
2.6 แร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมสารเคมีได้แก่
แร่กำมะถัน ซึ่งนำไปใช้ทำกรดกำมะถันขึ้นเพื่อใช้งานอุตสาหกรรมเคมีต่าง ๆ เกลือหิน
โพแทช บอเรต หรือแมกนีไซด์
2.7 แร่ที่ใช้ทำปุ๋ย
เป็นแร่อโลหะที่ใช้ในการทำปุ๋ยเพื่อการเพาะปลูกซึ่งได้แก่
แร่ฟอสเฟต
โพแทช กำมะถัน และ ยิปซั่ม เป็นต้น
2.8 แร่ที่ใช้ทำวัตถุสำหรับช่วยในการขัดสี (Abrasives) เช่น แร่คอร์รันตัม การ์เนต ซึ่งเป็นแร่ซึ่งมีความแข็งแกร่งสูง และมีเหลี่ยมมุมที่ดีเหมาะที่จะนำไปทำเป็นอุปกรณ์ที่จะทำสำหรับการขัดสี เช่น ทำกระดาษทราย หรือ ผงขัดมัน
เป็นต้น
2.9 ใช้เป็นแร่รัตนชาติ (Precious stone) ได้แก่ เพชร พลอย ทับทิม มรกต โอปอ โกเมน นิล
โทแพซ (Topaz) ซึ่งใช้สำหรับทำเครื่องประดับชนิดต่าง
ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น